เกี่ยวกับเรา

บอยท่าพระจันทร์ . . . จากเด็กเช็ดตู้สู่เซียนพระร้อยล้าน

“เซียนพระคือผู้ที่กล้าควักเงินเช่าพระเครื่องราคาเป็นแสนเป็นล้านได้”

ถ้าพูดถึง ‘เซียนพระ’ หลายคนคงจินตนาการว่าต้องเป็นผู้อาวุโสที่ผ่านกาลเวลามายาวนานแต่ไม่ใช่กับชายหนุ่มคนนี้ อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย หรือคนทั่วไปรู้จักในนามของ ‘บอย ท่าพระจันทร์’ เซียนพระชื่อดังวัยย่างเข้า 38 ปี ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการพระเครื่องมามากกว่า 24 ปี แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเชี่ยวชาญและเก่งกาจในการดูพระหลากหลายชนิดจนเป็นที่ยอมรับอย่างสูงในวงการ เราจะมาทำความรู้จักกับเขาคนนี้ให้มากขึ้นในอีกมุมที่สนใจเกี่ยวกับ ‘บอย ท่าพระจันทร์’

จุดเริ่มต้นของบอย ท่าพระจันทร์นั้น เกิดจากความเริ่มหลงไหลพระเครื่องตั้งแต่อายุแค่ 13 ปี โดยเขาย้อนเล่ากลับไปว่า ก็เหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปที่ชอบเล่นรถทามิย่าของเล่นสุดฮิต(ในตอนนั้น) ซึ่งกวาดรางวัลจากการแข่งขันมานับไม่ถ้วน แต่จุดเปลี่ยนอยู่ที่เมื่อเข้าไปบวชเณรช่วงหน้าร้อนที่พุทธมณฑล บรรดาเณรที่บวชอยู่ด้วยกันได้เอาพระเครื่องมาโชว์กันอย่างสนุกสนาน แต่ตัวเขานั้นกลับไม่มีพระเครื่องเป็นของตัวเองเลยแม้แต่องค์เดียว นั่นทำให้เมื่อสึกออกมาแล้วเด็กชายบอยได้นำรถทามิย่าของตัวเองไปแลกพระเครื่องกับเพื่อน ๆ แถวบ้านนั่นคือจุดเริ่มต้นของความหลงไหลพระเครื่องของบอย ท่าพระจันทร์อย่างแท้จริง

ด้วยความรักในการดูพระเครื่องอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ทำให้บอยเข้าไปคลุกคลีอยู่กับเซียนพระในตลาดพระเครื่องที่ใหญ่ที่สุดในเวลานั้นคือ “ท่าพระจันทร์” โดยช่วงแรกก็อาศัยครูพักลักจำจากผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือแลกกับการเฝ้าตู้เช็ดตู้พระเครื่องพลางเดินหาพระเครื่องมาปล่อยทำกำไรสั่งสมประสบการณ์อยู่หลายปี บวกกับความที่ชอบศึกษาหาความรู้ใส่ตัวอยู่ตลอดจรทำให้จากเด็กคนหนึ่งที่ไต่เต้าจากไม่มีอะไรเติบโตมาจนดูพระเก่งกาจ สามารถฟันธงเรื่องพระแท้และปลอมได้กล้าจ่ายตังค์หลักแสนหลักล้านได้ จนเซียนพระด้วยกันให้การยอมรับอย่างมากมายจนเป็นที่ยอมรับในวงการพระเครื่อง

เมื่อถามถึงนิยามของคำว่า “เซียนพระ” บอยตอบว่า “ถ้าจะใช้คำว่าเซียนก็ต้องมีความรู้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่วิเคราะห์แล้วสามารถควักกระเป๋าจ่ายตังค์ได้อันนี้คือเซียน แต่ถ้าคนพูดเยอะคุณจะพูดอะไรก็ได้รู้ทุกอย่างได้แต่สุดท้ายคุณไม่กล้าจ่ายตังค์อันนี้ไม่ใช่เซียน”

ถ้าใครมองว่าเป็นถึงเซียนพระชื่อดังชีวิตต้องชิลแน่นอน . . . แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น

‘กิจวัตรประจำวันของผมคือเช้าตื่นมาเช็คไลน์รูปพระก่อน เพราะวันนึงคนส่งรูปพระมาให้ผมดูวันละหมื่นกว่ารูป เข้าช่วง 10 โมงนั่งเทรดหุ้นจนถึงเที่ยงครึ่งจะกลับมาเช็คไลน์อีกทีนึง แล้วก็ไปนั่งดูหุ้นจนถึง 4 โมงเย็น นัดหมายกับลูกค้าที่ส่งรูปพระมาทางไลน์เฉพาะองค์ที่มีแนวโน้มว่าเป็นพระแท้หลังจากนั้นก็เช็คไลน์ไปเรื่อง ๆ จนถึงเที่ยงคืน’

บอยเล่าต่อว่า . . . ‘ลูกค้าส่งรูปพระมาให้ผมดูประมาณหมื่นกว่ารูปโดยทุกรูปผ่านการสแกนโดยตรงจากผมทั้งหมดถ้าดูแล้วมีแนวโน้มว่าเป็นพระแท้แล้วคุยราคาที่น่าเป็นไปได้ ก็จะนัดหมายสถานที่เพื่อนัดหมายกับลูกค้าต่อไป โดยต้องยืนยันตนด้วยบัตรประชาชน สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าช่องทางการรับเช่าพระนั้นเปลี่ยนไปจากอดีตโดยสิ้นเชิง ปัจจุบันโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ตลาดพระกว้างและใหญ่ขึ้นมาก ในปัจจุบันคนเล่นพระในบ้านเราถ้าประเมินราคาคร่าว ๆ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 คนเป็นอย่างน้อย’

เซียนกับการพลาดพลั้งนั้นเป็นของคู่กัน ‘สาเหตุหลัก ๆ มาจากความโลภเป็นส่วนใหญ่ เช่นพระงองค์นึงปล่อยได้ 5 แสน เจ้าของเอา 4 – 5 หมื่น ด้วยความที่เราอาจจะรีบหรือลนกลัวเจ้าของไม่ปล่อยเราตัดสินใจไปด้วยความรวดเร็วไม่ได้ไตร่ตรองโดยละเอียดนั่นคือโอกาสที่เราพลาดแล้ว พระที่เราพลาดส่วนใหญ่ไม่ใช่พระเหรียญ จะเป็นพระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อชิญที่เราไม่ชำนาญ

ถ้าคุณจะอยู่ในวงการพระโดยที่คนที่ยอมรับคุณว่าเป็นเซียน เซียนคนไหนไม่เคยโดนพระปลอมเซียนคนนั้นขี้โม้ เซียนคนไหนไม่เคยโดนพระเก๊ . . . แปลว่าเซียนคนนั้นไม่เคยจ่ายตังค์‘ บอย ท่าพระจันทร์ทิ้งท้ายไว้ได้อย่างน่าคิด