รับซื้อของเก่ามีค่า สอบถามบอยท่าพระจันทร์

รับซื้อของเก่ามีค่า โดย บอยท่าพระจันทร์

ช่วงนี้เพื่อน ๆ หลายคนคงจะมีโอกาสได้อยู่บ้านมากยิ่งขึ้น หลายคนทำงานจากที่บ้าน หลายคนก็กลับไปอยู่บ้านของตนเองเพราะว่าเดินทางออกไปไหนมาไหนก็ลำบากเพราะสถานการณ์โควิดที่กำลังระบาดอย่างต่ดเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย อย่างนี้เรามาสำรวจกันหน่อยดีกว่าว่าที่บ้านมีของเก่าของสะสมอะไรบ้างที่มีค่า ลองนำมาประเมินราคากับเราบอยท่าพระจันทร์ รับซื้อของเก่ามีค่า ของสะสม ของมีค่า จากของเก่าธรรมดาที่ดูเหมือนจะนำไปใช้งานอะไรต่อไม่ได้ อาจจะกลายเป็นทรัพย์สินที่มีค่าก็ได้ ใครจะไปรู้

ของเก่ามีค่าที่มักจะเจอในบ้าน

  • พระเครื่องเก่า เป็นวัตถุมงคลที่เชื่อว่ามีเกือบทุกบ้าน โดยเฉพาะชาวพุทธบ้านเรา มักจะมีวัตถุมงคลติดบ้าน ติดตัวไว้อยู่เสมอ และลองไปสำรวจดูที่ตู้เก็บของในบ้าน หรือหิ้งพระ เพราะอาจจะมีพระเครื่องเก่า ๆ ที่เก็บขึ้นหิ้งเอาไว้ไม่ได้ใช้งาน ถ้าหากว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม อาจจะตีเป็นมูลค่าได้หลายตังค์ ลองถ่ายรูปมาส่งให้บอยท่าพระจันทร์ประเมินราคาให้
  • กระเพาะปลาเก่า เป็นของสะสมที่คนจีนนิยมเก็บเอาไว้โดยเฉพาะช่วงที่เดินทางเข้ามาที่บ้านเราใหม่ ๆ บางบ้านก็เก็บลงกล่องมีฝุ่นเกาะหนาเตอะ ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ แถมยังเป็นที่สะสมฝุ่นอีกด้วย แต่หารู้ไม่ว่ากระเพราะปลาเก่าบางชนิดนั้นอาจจะมีมูลค่าสูงหลักล้านบาท ถ้าบ้านไหนมีละก็ลองส่งภาพมาให้คุณบอยท่าพระจันทร์ตรวจสอบดูเบื้องต้นได้
  • เหรียญเก่า ๆ ธนบัตรเก่า ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ไม่ว่ายุคไหน ๆ ก็ได้รับความนิยมจากนักสะสมของเก่าอย่างต่อเนื่อง หากใครมีและอยากจะลองสอบถามราคาของเก่าที่เรามีในมือก็ลองเอามาสอบถามกันได้โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
  • เครื่องลายครามเก่า ๆ สมัยก่อนชาวจีนที่เดินทางเข้ามาตั้งหลักปักฐานทำมาหากินในบ้านเรา ไม่ได้มาตัวเปล่า ได้นำภูมิปัญญาต่าง ๆ รวมถึงของใช้สอยอย่างเช่นเครื่องลายคราม เข้ามาด้วย ปัจจุบันสิ่งของเหล่านี้ค่อย ๆ หายไปกลายเป็นของสะสมที่เอาไว้แค่ตั้งโชว์ไว้ในตู้ บางบ้านมีเยอะมากอาจจะกองอยู่ที่ไหนสักแห่ง ถ้าบ้านใครเป็นเชื้อสายจีนลองสำรวจดู อาจจะไปเจอขุมทรัพย์ของเก่าเปลี่ยนเป็นมูลค่าได้
รับซื้อของเก่ามีค่า โดย บอยท่าพระจันทร์
รับซื้อของเก่ามีค่า โดย บอยท่าพระจันทร์

รับซื้อของเก่ามีค่า ประเมินราคา กับบอยท่าพระจันทร์

วิธีการตรวจสอบราคาและประเมินราคาของเก่ามีค่า สามารถทำได้ง่าย ๆ เบื้องต้นส่งภาพมาประเมินราคากับเราฟรี มีบริการที่รวดเร็วมาก ๆ จ่ายด้วยเงินสด นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำอื่น ๆ ฟรี บริการรับซื้อนอกสถานที่ตามที่ลูกค้าสะดวก แบบไม่จำกัดวงเงิน

รับซื้อของเก่ามีค่า สอบถามราคาทางไลน์
*** ส่งรูปมาประเมินสินค้าฟรี ยินดีให้คำปรึกษา บริการรับซื้อ นอกสถานที่ต่าง ๆ ตามที่ท่านลูกค้าสะดวก รับซื้อไม่จำกัดวงเงิน

ฮือฮา “กระเพาะปลา เปลี่ยนชีวิต” กับ บอย ท่าพระจันทร์

ฮือฮา “กระเพาะปลา เปลี่ยนชีวิต” กับ บอย ท่าพระจันทร์

นายอรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย หรือ “บอย ท่าพระจันทร์” นักธุรกิจหนุ่มชื่อดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเซียนพระอันดับต้นๆของเมืองไทย และปัจจุบันได้หันมาจับธุรกิจอีกตัวหนึ่งที่เป็นตลาดใหญ่ที่มีการซื้อขายมากกว่า 40 – 50 ปี นั่น คือ ธุรกิจกระเพาะปลาเก่า โดย “บอย ท่าพระจันทร์” เล่าถึงจุดเริ่มที่หันมาเล่นกระเพาะปลา ให้ “สปีดนิวส์ออนไลน์” ฟังว่า ผมอยู่วงการพระเครื่องมา 27 ปี ไม่รู้จักกระเพาะปลามาก่อน เพราะคนไทยไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เลย เพียงแต่สังเกตเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ร้านแถวเยาวราช วงเวียน 22 จะรับซื้อกระเพาะปลา ผมแค่สงสัยว่า เอาไปทำอะไรกัน

จนกระทั่งโควิด-19 ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ผมเริ่มเห็นว่า ไม่รู้จะทำอะไร อยู่บ้าน จึงได้หาข้อมูลเรื่องกระเพาะปลาเก่า จนเข้าใจว่า กระเพาะปลาเก่ามีราคา มีมูลค่า บางใบมีราคาสูงถึง 10 ล้านบาท เช่น สายพันธุ์กิมจี้ เป็นกระเพาะปลาที่แพงที่สุดในโลก มีราคาถึง 10 ล้านบาท เป็นที่สุดของกระเพาะปลา ผมเรียนรู้อยู่ 2-3 เดือน และแสวงหากระเพาะปลาทุกอย่างที่มีราคาแพงตั้งแต่หลักล้านจนถึง 10 ล้านบาทหรือ 10 กว่าล้านบาท เรียกว่า ได้มาหมดแล้ว ผมรับซื้อกระเพาะปลาประมาณ 70 – 80 ล้านบาท และมีการซื้อขายหมุนเวียนเปลี่ยนมือ ‪200 – 300‬ ล้านบาท

“บอย ท่าพระจันทร์” รู้สึกว่า กระเพาะปลาเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับผม เวลาวันหนึ่งเราเริ่มรู้เรื่องนี้ เรารู้สึกว่า กระเพาะปลามีคุณลักษณะที่พิเศษ มีเสน่ห์กับการที่เรารู้สึกว่า มันเป็นตลาดใหญ่มากด้วย ดังนั้น ช่วงโควิด-19 เราได้เรียนรู้กระเพาะปลาทุกชนิดในเมืองไทยที่มีการซื้อขายตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน หลัก 10 ล้าน อย่างไรก็ตาม ในเมืองไทยยังเล่นกันในกลุ่มเล็กๆอยู่ แต่ผมอยากเปิดให้คนไทยทั้งประเทศรู้ว่า กระเพาะปลามีราคาแพงและมีมูลค่ามาก

ที่สำคัญ ไม่น่าเชื่อว่า คนจีนรู้ว่า ผมมีกระเพาะปลาในสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ค ยูทูป ทำให้คนหลั่งไหลเข้ามาขายให้ผมจำนวนมาก มีชาวไต้หวันคนหนึ่งที่อยู่ในเมืองไทยมานานแล้ว เป็นรุ่นหลาน เขาไปเจอกระเพาะปลาเก่าหลายตัวที่ห้องเก็บของ แล้วเขาเอาขายให้ผมถึง 50 ล้านบาท รวมทั้งมีคนจีนหลั่งไหลเข้ามาซื้อกระเพาะปลามากเช่นกัน ผมเหมือนเป็นศูนย์กลางตลาดปลาทำให้คนจีนอยากซื้อก็มาซื้อที่ผม คนไทยอยากขายก็มาขายที่ผม

“บอย ท่าพระจันทร์” บอกว่า ในช่วง 3 เดือน ผมได้ซื้อและได้เจอกระเพาะปลาดีๆมามาก ถ้าใครมี เอามาขายผมได้ ผมรับซื้อหมดทุกสายพันธุ์ เราซื้อด้วยเงินสด ซื้อด้วยจำนวนกี่สิบล้านก็ซื้อได้ กระเพาะปลาพวกนี้ขายตามน้ำหนักเป็นกรัม ซึ่งกรัมละ 1,000 บาท 600 กรัม ก็ 6 แสนบาท บางใบน้ำหนัก 400 กรัม มีราคา 6 ล้านบาท ถ้า 800 กรัม ราคา 12 ล้านบาท กระเพาะปลาเป็นของมีค่าของคนจีน โดยที่กวางตุ้ง เป็นตลาดใหญ่ ราคาแพงมาก เพราะคนไทยเชื้อสายจีนซื้อไปขายที่ตลาดปลาที่กวางตุ้ง

กระเพาะปลาได้เปลี่ยนชีวิตของใครหลายคน เช่น มีคนไทยคนหนึ่งเป็นหนี้ธนาคาร 3 กว่าล้านบาท ไปรื้อห้องเก็บของพบกระเพาะปลาเก่าแล้วเอามาขายผม ผมซื้อมา 3 ล้านบาท หรือมีอีกราย เจ้าของขายอาหารตามสั่ง อายุ 61 ปี อยู่แถวพหลโยธิน สภาพบ้านจนมากแล้วเจอปัญหาโควิด-19 มีเงินในบัญชี 4,000 บาท เขาเห็นคลิปผม แล้วไปรื้อในห้องเก็บของเจอกระเพาะปลาเก่า เขาส่งรูปมาหาผม ผมก็รับซื้อมา 6 ล้านบาท เขาเหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จากจนแล้วรวยเลย เขาเจอผมแล้วยกมือไหว้บอกคุณบอย ผมเหมือนเกิดใหม่เลย

“บอย ท่าพระจันทร์” ฝากว่า ถ้าเอากระเพาะปลามาขายให้ผมอย่างน้อยก็ขายไม่ผิดราคา เพราะที่ผ่านมาคุณขายผิดราคามามากแล้ว รวมถึงคุณไม่รู้ว่า มันเป็นของมีค่า ยกตัวอย่างอีกเคสหนึ่ง มีกระเพาะปลาตัวหนึ่งที่เก็บจากกองขยะ แล้วซื้อขายกันเป็นล้าน เรียกว่า มันถูกทิ้งในถังขยะแล้ว คนเก็บขยะรื้อเอามาขายผม 4 ตัว ได้ 10,000 บาท แล้วใครคิดว่าของจากกองขยะขายได้

ผมย้ำว่า ถ้ามีกระเพาะปลาอย่าเอาไปทิ้ง เพราะมันมีค่า แต่เราอย่าคิดว่า มันเป็นของสกปรก แต่ที่ไหนได้มันเป็นของที่มีราคาสำหรับใครหลายคน แต่มันอาจไม่มีค่าสำหรับเรา ถ้าเราคิดว่า มันไม่มีค่าแล้วเอามาขาย ผมรับซื้อ ยิ่งแพง ผมยิ่งซื้อ สายพันธุ์กิมจี้ รับซื้อ กิโลกรัมละ 10,000,000​ บาท​, กิมซัว รับซื้อ กิโลกรัมละ 1,000,000​ บาท​, ไซไฮ้ รับซื้อกิโลกรัมละ 700,000​ บาท และเจี่ยโต้ รับซื้อ กิโลกรัมละ 200,000 บาท​

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

เหรียญเจริญพรล่าง หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปี 17 เนื้อทองคำ

 หลวงปู่ทิม เป็นชาวระยองโดยกำเนิด เกิดเมื่อปี พ.ศ.2422 ที่บ้านหัวทุ่ง ต.ละหารไร่ อ.บ้านค่าย ท่านเป็นหลานของหลวงปู่สังข์ (พระเกจิผู้ทรงวิทยาอาคมสูงในสมัยนั้นและเป็นผู้ก่อตั้งวัดละหารไร่ แต่ตัวท่านได้รับนิมนต์ไปอยู่วัดเก๋งจีน ส่วนตำรับตำราของท่านยังคงสะสมไว้ที่วัดละหารไร่) วัยเด็กบิดาได้พาไปฝากเป็นศิษย์พระอาจารย์สิงห์ วัดละหารไร่ เพื่อศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทย จากนั้นกลับมาช่วยบิดามารดาทำงานจนอายุ 19 ปี ได้รับคัดเลือกเป็นทหารประจำการอยู่ที่กรุงเทพฯ 4 ปีกว่า จึงกลับบ้านเกิดและอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดละหารไร่ ในปี พ.ศ.2449 โดยมี พระคุณเจ้าท่านพระครูขาว วัดทับ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์สิงห์ เป็นพระอนุกรรมวาจา และ พระอาจารย์เกตุ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายา “อิสริโก” จำพรรษาอยู่ที่วัดเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมอยู่ 1 พรรษา จึงลาพระอาจารย์ออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ ถึง 3 ปี เมื่อกลับมาท่านก็มาจำพรรษาที่วัดนามะตูม จ.ชลบุรี อยู่ 2 พรรษา ในช่วงดังกล่าวท่านได้ศึกษาร่ำเรียนวิทยาการต่างๆ จากพระคณาจารย์ผู้มีชื่อเสียงหลายรูปจนแตกฉาน จากนั้นกลับมาจำพรรษาที่วัดละหารไร่ ได้ร่ำเรียนฝึกฝนกับพระอาจารย์ที่วัดอีกหลายรูป รวมทั้งศึกษาตำราของหลวงปู่สังข์ จนต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารไร่
     หลวงปู่ทิมเป็นพระเกจิที่เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติและตั้งมั่นในเมตตาธรรมสูง ท่านยังเป็นพระนักพัฒนา บูรณะซ่อมแซมศาสนสถานและเสนาสนะต่างๆ สร้างพระอุโบสถภายในวัด สร้างโรงเรียนประชาบาลเพื่อให้การศึกษาแก่กุลบุตรกุลธิดา สร้างสะพานข้ามคลอง ฯลฯ จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน อ.บ้านค่าย และใกล้เคียงอย่างสูง ท่านมีความสมถะ วางเฉย สันโดษ ไม่ฝักใฝ่ในลาภ เกียรติยศ ชื่อเสียง จึงไม่สนใจในยศฐาบรรดาศักดิ์และไม่สนใจที่จะสร้างวัตถุมงคลใดๆ จนเมื่อครั้งที่คณะสงฆ์ได้เลื่อนสมณศักดิ์ นายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกรวัด ได้นำเรื่องไปบอกชาวบ้านและจัดขบวนแห่มารับหลวงปู่ทิมและอาราธนานิมนต์มารับเป็น ‘พระครูภาวนาภิรัติ’ ในปี พ.ศ.2507 และยังได้จัดประชุมเพื่อจัดงานฉลองสมณศักดิ์และหารายได้สมทบทุนก่อสร้างกุฏิและบูรณะเสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมต่างๆ โดยขออนุญาตหลวงปู่ทิมในการจัดสร้างเหรียญรูปเหมือนและวัตถุมงคลต่างๆ ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อแจกจ่ายแก่ญาติโยมที่ร่วมงานและบริจาคทรัพย์ไว้เป็นที่ระลึก ประกอบด้วย เหรียญรูปเหมือน ผ้ายันต์ และตะกรุด จากนั้นก็มีการจัดสร้างวัตถุมงคลต่างๆ เรื่อยมา เพื่อใช้ในการบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถานและเสนาสนะภายในวัด รวมถึงสาธารณประโยชน์ต่างๆ 
     ด้วยหลวงปู่ทิมท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาอาคมสูงและมากด้วยบารมีธรรมชั้นสูง ได้สร้างปาฏิหาริย์มากมายปรากฏต่อหน้าลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านเป็นเนืองนิจ วัตถุมงคลของท่านก็เช่นกัน สร้างปาฏิหาริย์และพุทธาคมเป็นที่ปรากฏ ทำให้ วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังของหลวงปู่ทิม ไม่ว่าจะสร้างออกมากี่รุ่น กี่แบบ ก็ล้วนได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาและพุทธศาสนิกชนผู้เคารพศรัทธาเลื่อมใสหลวงปู่ทิม และได้ประจักษ์ในอานุภาพพุทธคุณของวัตถุมงคลของท่านทั้งสิ้น

สำหรับ เหรียญหลวงปู่ทิม รุ่น เจริญพร จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2517 โดย อ.ชินพร สุขสถิตย์ ประธานมูลนิธิ หลวงปู่ทิม อิสริโก เพื่อฉลองอายุครบ 75 ปี หลวงปู่ทิม และหารายได้ไปสร้างศาลาการเปรียญของวัดละหารไร่ จ.ระยอง ในครั้งนั้นหลวงปู่ทิมได้เมตตาปลุกเสกให้เป็นพิเศษถึง 7 วัน 7 คืน

เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ปั้น วัดพิกุลโสคันธ์ อยุธยา

หลวงปู่ปั้น วัดพิกุลโสคันธ์ ถือเป็นปรมาจารย์องค์สำคัญของบางบาลคู่มากับหลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอ เป็นพระอาจารย์ที่หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ให้ความเคารพอย่างสูง หลวงพ่อห่วง วัดบางยี่โท หลวงพ่อสังข์ วัดน้ำเต้า ก็นับถือท่านเป็นครูอาจารย์
ประวัติหลวงปู่ปั้นเกิดเมื่อปีมะเมีย พ.ศ.๒๓๗๖ และมรณภาพ ขณะอายุได้ ๘๐ ปี พ.ศ. ๒๔๕๖ ปีฉลู ตรงกับที่แอดมินเคยกราบเรียนถามหลวงปู่ทิมวัดพระขาวว่า “มีคนเขาเขียนว่าหลวงปู่เป็นศิษย์หลวงปู่ปั้นวัดพิกุล จริงไหมครับ” หลวงปู่ทิมท่านไม่ต้องนึก ตอบทันทีว่า “คนรุ่นเก่าเขาบอกว่า ปีที่ฉันเกิด หลวงปู่ปั้นเสีย” ซึ่งตรงตามประวัติว่าหลวงปู่ทิม เกิดต้นปี พ.ศ.๒๔๕๖
หลวงปู่ปั้นมีผู้เคารพศรัทธามาก ร่วมสร้างวัดต่างๆ และพระพุทธรูปขนาดใหญ่โต ไว้หลายจังหวัด
ประชาชนในท้องถิ่น ทำการหล่อรูปเหมือนของหลวงพ่อปั้นขนาดเท่าคน ไว้ ๓ องค์ คือที่วัดพิกุลโสคันธ์ บางบาล  วัดสี่ร้อย จังหวัดอ่างทอง และวัดเนินกุ่ม จังหวัดพิษณุโลก
ประวัติของท่านหาอ่านเอาในอินเทอร์เน็ตมี สำหรับผู้ที่มีความสามารถเชิญสัมผัสวัตถุมงคลของท่านเอง ว่าดีอย่างไร ท่านมีชื่อเสียงเรื่องพระกรรมฐาน ฌาน อภิญญา ไม่น้อย
พระของท่านจะพบเนื้อผงและดิน มีของปลอม ส่วนเนื้อตะกั่ว จะหาชมยากกว่ามาก
คาถากันลม กันฟ้า กันไฟ ของหลวงปู่ปั้น
“พระโสนามะยักโข เมตตะทันตะ ปะริวาสะโก อสุนีหะเต โหตุ เต ชะยะมังคะลานิ สุกโกปัญจะ อากาเสจะ พุทธทิปังกะโร นะโมพุทธายะ”
เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อปั้น วัดพิกุลโสคัณ ปี 2466 จ.พระนครศีอยุธยา เหรียญนี้บ้างว่าทันตัวหลวงพ่อ บางท่านว่าเป็นเหรียญทีระลึกหลวงพ่อวันมรณะภาพ สำหรับข้อมูลเหรียญจัดสร้างทางวัดโดยมีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ศิษย์หลวงพ่อปั้น เชิญคณาจารย์เข้าร่วมอาทิ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม หลวงพ่อฉาย วัดพระนังเชิง หลวงพ่อชม วัดพุทไทสวรรค์ เหรียญหายากสร้างหลัก 100 องค์ นาน ๆ จะเจอสักเหรียญครับ
ขอบคุณเจ้าของข้อมูลครับ
องค์นี้สภาพจัดว่าสวย เลี่ยมทองพร้อมใช้ ได้พระเกจิเถราจารย์ระดับแถวหน้าของประเทศ ปลุกเสก อาทิ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อกลั่น พุทธคุณหายห่วงครับ

พระราชธรรมวิจารณ์

พระราชธรรมวิจารณ์ หรือที่ชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหา มักเรียกท่านว่าหลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง ท่านเป็นพระสงฆ์ที่น่าเคารพ แถมท่านยังมีวิทยาคมเข้มขลังอีกด้วย ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง และสนน ราคาก็ยังไม่สูงมากหลวงปู่ธูป ท่านเกิดที่ตำบลบางหลวงเอียง อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ.2441 โยมบิดาชื่อ เดช โยมมารดาชื่อ ผ่อง ท่านกำพร้าบิดามารดาตอนอายุได้เพียงขวบเศษ ต่อมาท่านจึงได้มาอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่ กทม. คือเจ้าพระยาราชศุภมิตรและท่านผู้หญิงแปลก ระหว่างนี้ท่านก็ได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่ กทม. และได้ศึกษาหนังสือขอม บาลีต่างๆ ที่วัดใกล้บ้านของท่านครั้นถึงปี พ.ศ.2463 ท่านจึงได้อุปสมบทที่วัดสุนทรธรรมทาน (วัดแค) นางเลิ้ง โดยมีท่านเจ้าคุณธรรมวโรดม (จ่าย) สายเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอริยมุนี (หว่าง) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูพุทธบาล (เนตร) เจ้าอาวาสวัดสุนทรธรรมทาน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “เขมสิริ” เมื่ออุปสมบทแล้วท่านก็ได้ศึกษาพระธรรม และวิปัสสนากรรมฐาน กับพระครูพุทธบาล ต่อมาท่านก็ได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม ท่านก็จำพรรษาอยู่วัดบางนมโค จึงได้ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคมกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลังจากที่ท่านได้เดินทางกลับมาที่ กทม.แล้ว ท่านก็ยังได้ไปเยี่ยมเยียนและศึกษากับหลวงพ่อปานอยู่เสมอต่อมาท่านก็ได้สนิทสนมกับหลวงพ่อขันธ์ วัดนกกระจาบ จึงได้มีโอกาสได้เรียนวิชาเชือกคาดเอวกับหลวงพ่อขันธ์อีกด้วย หลวงปู่ธูป นอกจากท่านจะได้เรียนกับหลวงพ่อปานและหลวงพ่อขันธ์แล้ว ท่านยังได้เดินทางไปเรียนกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ที่นครปฐมอีก หลวงพ่อแช่มและหลวงปู่ธูปได้เดินทางไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด ต่อมาท่านก็ได้รู้จักกับหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ในคราวที่เดินทางไปที่วัดตาก้องนี้เอง และได้แลกเปลี่ยนวิชากันหลวงปู่ธูปท่านเป็นผู้ขยันหมั่นเพียร เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำกิจการใด ท่านก็ทำโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย นำพระภิกษุสามเณรให้ช่วยกันทำกิจกรรมของวัดให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ท่านจึงเป็นกำลังสำคัญของพระครูพุทธบาล ในการช่วยปฏิสังขรณ์พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองจนได้รับตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสในปี พ.ศ.2471 ท่านก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดสุนทรธรรมทาน หลังจากท่านเป็นเจ้าอาวาส ท่านก็ได้พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองดังที่เห็นมาจนทุกวันนี้ ในปีพ.ศ.2477 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูสุนทรธรรมวิจารณ์ ต่อมาในปี พ.ศ.2495 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระสุนทรธรรมวิจารณ์ ในปี พ.ศ.2506 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณ ศักดิ์เป็นที่พระราชธรรมวิจารณ์ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง ท่านเริ่มสร้างครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2482 โดยท่านสร้างร่วมกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง เป็นพระสมเด็จฐานสามชั้น พระรอด พระนางพญา และพิมพ์นางกวัก พระที่สร้างครั้งนี้เป็นพระเนื้อผง ผสมกับดินปูชนียสถาน และผงใบลาน ลงรักฉาบเนื้อ เนื้อในสีดอกเทา ด้านหลังจะเป็นรอยจารลึกลงไปในเนื้อทุกองค์เมื่อสร้างเสร็จท่านก็จะแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์และผู้มาแสดงมุทิตาจิต ที่เหลือนอกนั้นนำไปบรรจุที่ใต้ฐานพระประธาน พระชุดนี้ปัจจุบันหาดูได้ยากสักหน่อย นอกจากนี้ท่านได้สร้างตะกรุด เชือกคาดเอว พระเนื้อผงรุ่นปีพ.ศ.2504 เหรียญปีพ.ศ.2513 และอื่นๆ อีกพอสมควรหลวงปู่ธูปเป็นที่รักเคารพของชาวบ้านละแวกนั้น อีกทั้งลูกศิษย์ลูกหาอีกมากมาย จนเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2533 ท่านจึงได้มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุได้ 92 ปี พรรษาที่ 70ประวัติการสร้างเหรียญรุ่นแรก เนื่องในวาระวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 6 รอบ 72ปี ของหลวงปู่ธูป ศิษย์ยานุศิษย์ โดยคุณหาญณรงค์ คุปตัษเฐียรและลูกศิษย์ ได้ขออนุญาต สร้างเหรียญรูปเหมือนหลวงปู่ แจกจ่ายให้ศิษย์ที่มาร่วมงาน และกรรมการผู้ร่วมจัดการทั้งหลาย หลวงปู่ท่านอนุญาตและครั้งนี้เป็นครับแรกที่ท่านอนุญาตให้สร้างรูปเหมือนท่าน คุณหาญณรงค์ ได้ว่าจ้างช่างสุดใจ อยู่ใกล้กับโรงพิมพ์ไทยรัฐเก่า เป็นผู้แกะแม่พิมพ์ และได้จ้างพิมพ์เหรียญรูปเหมือน พระราชธรรมวิจารณ์ เหรียญฉลองอายุครบ 6 รอบ จำนวนการผลิต พิมพ์เนื้อทองคำ 32 เหรียญ พิมพ์เนื้อเงิน 116 เหรียญ พิมพ์เนื้อทองแดง 11,100 เหรียญ แต่เมื่อพิมพ์เนื้อทองแดงไปได้ประมาณ 3,000 เหรียญ แม่พิมพ์ด้านหลังแตก แต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแม่พิมพ์ แต่อย่างใดเพราะเวลากระทันหัน ช่างแกะแม่พิพ์ไว้ชุดเดียวเท่านั้นไม่มีสำรอง และเมื่อพิมพ์เหรียญไปได้ อีก 200 เหรียญ แม่พิมพ์ด้านหน้าเกิดมีรอยแตกขึ้นมาอีก เหรียญรุ่นนี้บางเหรียญจึงมีรอยแตกของแม่พิมพ์ ทั้งด้านหน้าด้านหลัง

พระแก้วมรกต เจนีวาทองคำ 2475

พระแก้วมรกต เจนีวาทองคำ 2475

เหรียญพระแก้วมรกต ปี พ.ศ.2475 มีการจัดพิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ รวมพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังผู้ทรงพุทธาคมในยุคนั้นมากมายเข้าร่วมอธิษฐานจิต อาทิ พระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดราชบพิธ, สมเด็จพระวันรัต (แพ ติสสเทโว) วัดสุทัศน์, พระโพธิวงศาจารย์ (นวม) วัดอนงคาราม, สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เข้ม) วัดโพธิ์, หลวงพ่อคง วัดซำป่าง่าม, หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว, หลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมือง, หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่, หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก, หลวงพ่อฉาย วัดพนัญเชิง, หลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง, หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์, หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ, หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม, หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงพ่อสด วัดปากนํ้า, หลวงพ่อเผือก วัดกิ่งแก้ว, หลวงพ่อสนธิ์ วัดสุทัศน์ ฯลฯ

เนื้อหามวลสาร-พุทธลักษณะพิมพ์ทรง

มีการจัดสร้างเป็น เนื้อทองคำ เงิน นิกเกิล และทองแดง ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มพิมพ์กลมแบน ขอบเรียบ ด้านหน้าจำลองรูปพระแก้วมรกต ประทับนั่งบนฐานบัวควํ่าบัวหงาย ภายในซุ้มเรือนแก้ว มีผ้าทิพย์ห้อย และดอกไม้อยู่โดยรอบ ด้านหลังเป็นรูปยันต์ “กงจักร” มีอักษรจารึก มรรค 8 อักขระขอมที่ปรากฏ คือ “ทิ” คือ สัมมาทิฐิ “สํ” คือ สัมมาสังกัปโป “วา” คือ สัมมาวาจา “กํ” คือ สัมมากัมมันโต “อา” คือ สัม อาชิโว “วา” คือ สัมมา วายาโม “ส” คือ สัมมา สติ และ “สํ” คือ สัมมาสมาธิ

ที่ริมขอบเหรียญด้านหลัง มีอักษรว่า “Georges Hantz Geneve U.G.D.” อันเป็นบล็อกที่สั่งทำจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หรือที่นักสะสมพระเครื่องเรียกกันว่า “บล็อกนอก” ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด และสืบเนื่องจากมีผู้บริจาคเงินเป็นจำนวนมาก จนต้องมีการระดมกำลังกันจัดสร้างหลายโรงงาน จึงมีอักษรบ่งบอกที่ด้านหลังเหรียญอีก อาทิ เพาะช่าง สุวรรณประดิษฐ์ นาถาจารุประกร และ ฮั่งเตียนเซ้ง โดยเรียกกันว่า “บล็อกใน” ซึ่งสนนราคาค่านิยมก็จะลดหลั่นกันไป ข้อสังเกตประการสำคัญ คือ บล็อกนอกจะไม่ปรากฏเนื้อทองแดง

นอกจากนี้ยังมี “เหรียญพระแก้วมรกต ปี 2475” อีกพิมพ์หนึ่ง ลักษณะเป็นเหรียญกลม มีหูเชื่อม ด้านหน้าจะมีรูปแบบเหมือนกัน แต่ด้านหลังจะเป็นข้อความอักษรเรียงกัน 5 บรรทัด ว่า “ที่ระฤก ในงานฉลอง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ครบรอบ 150 ปี พ.ศ.2475” ตัวอักษรมีทั้งแบบตัวนูน และแบบตัวลึกลงไปในเนื้อเหรียญ พบเห็นมี 2 เนื้อด้วยกัน คือ เนื้อเงิน และ ทองแดงกะไหล่ทอง ซึ่งพบเห็นน้อยมาก

พุทธคุณ

ด้วยบารมีแห่งองค์พระแก้วมรกต ความเข้มขลังในพิธีจากสุดยอดพระเกจิคณาจารย์แห่งยุค รวมทั้งวัตถุประสงค์การจัดสร้าง จึงไม่ต้องบอกกล่าวถึงความลํ้าเลิศในด้านพุทธคุณความศักดิ์สิทธิ์ ครับผม

เรื่องเก่าที่ผมจะไม่ลืม

เรื่องเก่าที่ผมจะไม่ลืม บอย ท่าพระจันทร์ 29ปีก่อน ผมบรรพชาสามเณรพุทธมณฑล ทำวัตรเช้าทุกวันที่หน้าองค์พระศรีศากษะทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทัศน์(พระ25ศตวรรษ ผมอธิฐานขอพรท่าน  ให้ผมเจอสิ่งดีๆหรือค้นพบว่าตัวเองต้องการอะไร (จะได้รู้ว่าจะหาเงินหางานทำอย่างไรในอนาคต) และนั้นเองทำให็ผมชอบพระเครื่องพระบูชาและอยากศึกษาจนกลายมาเป็น

บอย ท่าพระจันทร์ ในวันนี้ 12ปีก่อน ผมเริ่มสะสมพระ25ศตวรรษ เนื้อทองคำ จนมาถึงปี(2562)รวมได้เกือบ40องค์
เมื่อปีที่แล้ว(2563) ผมปล่อยพระ25ศตวรรษไป 30องค์ เพื่อนำเงินมาอุดหนี้เงินกู้(ที่ผมหยิบยืมจากโบรกเกอร์ในการเล่นหุ้น จากขาดทุนมหาศาลกลับมามีกำไรพอสมควร) ตอนนี้เหลือเพียง9องค์ (ก็เลยจะเริ่มสะสมใหม่ครับ)

เหรียญหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี รุ่นเยือนอินเดีย

เหรียญหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี รุ่นเยือนอินเดีย
เมื่อ10กว่าปีก่อนผมได้มีโอกาสไป ประเทศอินเดีย รู้สึกดีมากๆ(ที่ได้ไปดินแดนพุทธคยาและได้นั่งสมาธิที่ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ ยังคิดเลยว่า ถ้ามีโอกาสได้ไปอีกครั้งก็คงดี
ปัจจุบัน คงเลิกคิดได้เลยว่าจะมีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศ(ขนาดในประเทศไทยยังยากเลย ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ขอให้ทุกท่านปลอดภัยจากโควิด นะจ๊ะ